NEWS UPDATE • CAPITAL MARKETS

KTMS เครือ FVC ลงสนามเทรดตลาด mai วันแรก 23 ธ.ค. ระดมทุน 237 ลบ. ต่อยอดธุรกิจฟอกไต

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ต้อนรับ บมจ. เคที เมดิคอล เซอร์วิส เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มบริการ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ ว่า "KTMS" ในวันที่ 23 ธันวาคม 2565

โดย KTMS เป็นบริษัทย่อยของ บมจ. ฟิลเตอร์ วิชั่น (FVC) ประกอบธุรกิจให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ทั้งในรูปแบบ คลินิกเวชกรรมเฉพาะทางไตเทียม (Stand-Alone) และหน่วยไตเทียมในโรงพยาบาล (Outsource) มีบริษัทย่อย 3 บริษัทที่ถือหุ้น 85-100% ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริการออกแบบ ติดตั้ง บำรุงรักษาระบบผลิตน้ำบริสุทธิ์และจัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม การผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาไตเทียม และบริการออกแบบ ติดตั้งอุปกรณ์ท่อลมรับ-ส่ง สิ่งส่งตรวจทางการแพทย์

นางสาวกาญจนา พงศ์พัฒนะเดชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคที เมดิคอล เซอร์วิส จำกัด  (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมในการนำหุ้น IPO จำนวน 76.64 ล้านหุ้น เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 23 ธันวาคม 2565 หมวดธุรกิจบริการ ภายใต้ชื่อย่อ “KTMS” ทั้งนี้ บริษัทฯเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมและระบบผลิตน้ำบริสุทธิ์ สำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม รวมทั้งการขายและการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์แบบครบวงจร (One-stop Services) รายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทมีเครื่องไตเทียมรวม จำนวน 254 เครื่อง มีหน่วยไตเทียม จำนวน 20 สาขา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ทั้งภาคกลางและกรุงเทพมหานคร 2 สาขา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 สาขา ภาคเหนือ 4 สาขา ภาคตะวันออก 2 สาขา และภาคตะวันตก 2 สาขา ภายใต้การให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis Center) ในรูปแบบคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางไตเทียม (คลินิก หรือ Stand-Alone) และหน่วยไตเทียมในโรงพยาบาล (หน่วยไตเทียม หรือ Outsource) ทั้งในส่วนของโรงพยาบาลรัฐ และกลุ่มลูกค้าเอกชน



“KTMS” ยังขับเคลื่อนธุรกิจผ่านบริษัทย่อย 3 บริษัท ประกอบด้วย 1) บริษัท เออร์วิง คอร์ปอเรชั่น จำกัด ให้บริการออกแบบติดตั้งระบบผลิตน้ำสำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมและการบำรุงรักษา, ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาไตเทียม 2) บริษัท เมดิคอล วิชั่น จำกัด ให้บริการออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์ท่อลมรับ-ส่ง สิ่งส่งตรวจทางการแพทย์ 3) บริษัท เนโฟร วิชั่น จำกัด ให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม  เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าในกลุ่มสิทธิประโยชน์จากนโยบายสนับสนุน SME ของภาครัฐ"

ทั้งนี้จากแผนระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่งทางการเงิน โดย KTMS จะนำเม็ดเงินที่ได้กว่า 237 ล้านบาท ไปต่อยอดธุรกิจการให้บริการ เพื่อใช้ลงทุนในสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม จำนวน 155 ล้านบาท พร้อมทั้งขยายสาขาเพิ่มอีก 14 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็น Outsource 8 สาขา และ 6 สาขาเป็น Stand Alone นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนใช้ลงทุนในโรงงานผลิตน้ำยาไตเทียม และศูนย์บริการวิศวกรรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 61 ล้านบาท เพื่อรองรับปริมาณผู้ป่วยโรคไตที่เพิ่มมากขึ้น 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินราคามูลค่าเหมาะสม KTMS ที่ระดับ 4.12 บาท โดยประเมินรายได้จากการดำเนินงานช่วงปี 2565-2566 ไว้ 360.2 ล้านบาท และ 529.6 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย CAGR 30.8% ต่อปี ขณะที่กำไรคาดว่าช่วงปี 2565-2566 อยู่ที่ 18.2 ล้านบาท และ 41.3 ล้านบาท ตามลำดับ เติบโตเฉลี่ย CAGR 56.9% ต่อปี โดยมีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตจากธุรกิจให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ที่คิดเป็น 75% ของรายได้รวม ซึ่งบริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการให้บริการโดยการขยายสาขา จากเดิมอีก 14 สาขา และเพิ่มจำนวนเครื่องไตเทียมอีก 123 เครื่อง ภายในปี 2566 ส่วนกลุ่มธุรกิจอื่นๆ คิดเป็น 25% ของรายได้รวม มีแนวโน้มเติบโตควบคู่ไปกับการขยายสาขาในโรงพยาบาล

ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ประเมินราคามูลค่าเหมาะสม KTMS ที่ระดับ 4.00 บาท พร้อมมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงาน และกำไรสุทธิในปี 2565 ว่า มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องในปี 2566 ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยการเติบโตของธุรกิจฟอกไต จากนโยบายของภาครัฐ และจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น รวมถึงแผนการขยายสาขา จาก 20 แห่งในไตรมาส 3/2565 เป็น 34 สาขา ในปี2566 อีกทั้ง ยังมีจำนวนเครื่องไตเทียมเพิ่มขึ้นจาก 254 เครื่องในไตรมาส 3/2565 เป็น 377 เครื่องในปี 2566 จากปัจจัยในข้างต้น


ส่งผลให้คาดการณ์การเติบโตเฉลี่ยของกำไรโต (CAGR) 50% (2564-2567) จากการคาดการณ์การเติบโตของ KTMS ที่คาดว่ากำไรสุทธิเติบโต 20% ในปี 2565 และการเติบโตจะเร่งขยายตัวขึ้นเป็น 124% และ 29% ในปี 2566 – 2567 จากการรับรู้รายได้จากการขายและบริการที่เพิ่มขึ้น 28% CAGR (2564-2567) รวมทั้งการเติบโตของกำไรขั้นต้นที่ 32% CAGR และคาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 20% 22% และ 22% ในปี 2565-2567 อีกทั้งคาดการณ์ EBIT Margin ทรงตัว YoY ที่ 8.1% ในปี 2565 และปรับเพิ่มขึ้นเป็น 11.4% และ 11.8% ในปี2566-2567