บลจ.ทิสโก้ IPO กอง TUSTREASURY ลงทุนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จองซื้อ 14-21 พ.ย. ขั้นต่ำ 1,000 บาท
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ อยู่ในระดับสูงกว่า 4% ซึ่งเป็นอัตราผลตอบแทนสูงที่สุดในรอบกว่า 10 ปี โดยอัตราผลตอบแทนดังกล่าว บลจ.ทิสโก้คาดว่าเป็นระดับที่รับข่าวธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแตะระดับ 5% ในปี 2566 ไปมากพอสมควรแล้ว นอกจากนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566 ตามที่นักวิเคราะห์ในตลาดคาด ธนาคารกลางสหรัฐ ก็มีความจำเป็นที่ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ราคาตราสารหนี้รวมทั้งพันธบัตรระยะกลางถึงระยะยาวปรับตัวเพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างกำไรอีกต่อหนึ่งสำหรับผู้ที่เข้าลงทุนในตราสารหนี้ รวมทั้งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ในช่วงนี้
จากมุมมองดังกล่าว บลจ.ทิสโก้จึงเปิดเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (TUSTREASURY) ความเสี่ยงระดับ 3 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ) กองทุนรวมตราสารหนี้เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน iShares U.S. Treasury Bond ETF ( กองทุนหลัก) ซึ่งเป็นกองทุนรวม อีทีเอฟ (ExchangeTraded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ Cboe BZX ประเทศสหรัฐอเมริกา ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (USD) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
กองทุนหลักมีวัตถุประสงค์ในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายทั้งหมดของกองทุนหลัก) ให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี ICE U.S. Treasury Core Bond ( ดัชนีอ้างอิง) ซึ่งเป็นดัชนีที่ประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่ออกเสนอขายแก่ประชาชนโดยทั่วไปที่มีอายุคงเหลือมากกว่า 1 ปีแต่ไม่เกิน 30 ปี และมีมูลค่าหน้าตั๋วอย่างน้อย 300 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ กองทุนหลักดังกล่าวบริหารและจัดการโดย BlackRock Fund Advisors เปิดเสนอขายครั้งแรก (IPO) วันที่ 14-21 พฤศจิกายน 2565 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท และตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน กองทุน TUSTREASURY จะไม่มีการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน ทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสที่จะได้รับผลกำไรหรือขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินสกุลบาท
กองทุนนี้มีความโดดเด่นตรงที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งมีความมั่นคงสูง และ Fitch Ratings ได้จัดอันดับเครดิตสูงถึง AAA เหมาะสำหรับการลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566 นอกจากนี้ ผู้จัดการกองทุน TUSTREASURY จะนำเงินปันผลจากกองทุนหลักมาลงทุนต่อ เพื่อเพิ่มโอกาสการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวให้โดดเด่น อย่างไรก็ดี ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน กองทุน TUSTREASURY จะไม่ทำการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน ทำให้มีโอกาสที่ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนเพิ่มจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเงินสกุลบาท และอาจจะได้รับผลขาดทุนได้จากการที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินบาท กองทุนนี้จึงอาจจะไม่เหมาะกับผู้ลงทุนที่มองว่าค่าเงินสหรัฐจะอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง