หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี Disruptive ยังไปต่อได้หรือไม่
หากวัดผลตอบแทนสินทรัพย์การลงทุนต่างๆในรอบครึ่งปีแรกของปีนี้จะพบว่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี Disruptive ต่างให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่าสินทรัพย์รูปแบบอื่นทั้งสิ้นและโดยสถิติได้ระบุว่าผลตอบแทนของธีมการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่รอบหนึ่งปีที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่ติดลบตั้งแต่ 20-60% แทบทั้งสิ้น โดยอ้างอิงจากผลตอบแทนกองทุน ETF ที่ลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้อง
อย่างเช่นธีมการลงทุนในธุรกิจกัญชาที่ติดลบไปแล้ว 70% Cloud Computing ติดลบแล้ว 46% เทคโนโลยีการเงินหรือฟินเทค ติดลบแล้ว 50% อีคอมเมิร์ซติดลบ 56%
ภาพที่เกิดขึ้นตอนนี้ต่างจากช่วงปี 2020-2021 ซึ่งหุ้นเทคโนโลยีต่างปรับตัวบวกขึ้นอย่างร้อนแรงและรายได้ที่เติบโตจากการใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้น แต่หลังจากที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดซาลงไป ความจำเป็นที่ต้องใช้เทคโนโลยีใหม่มีน้อยลง หุ้นในกลุ่ม Traditional เริ่มกลับมาสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า ทำให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกเทขาย
นอกจากนี้ปัจจัยพื้นฐานของกิจการยังส่อแววจะยากลำบากขึ้นจากการที่สตาร์ทอัพและบริษัททางด้านเทคโนโลยีต่างทะยอยปลดพนักงานออก แม้แต่ Netflix ที่ขึ้นชั้นเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกไปแล้วยังต้องมีการปรับลดพนักงานรวมถึง Tesla ที่ยังต้องลดพนักงานบางส่วนแม้ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มสูงขึ้น
เท่ากับว่าตอนนี้หุ้นเทคโนโลยีกำลังถูกท้าทายทั้งอารมณ์ในตลาดที่เริ่ม Down Grade หุ้นกลุ่มนี้ลงและผลประกอบการที่เริ่มแย่ลงไปด้วย การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ กำลังเริ่มทำ QT หรือลดสภาพคล่องส่วนเกินจากการทำ QE ทำให้ธุรกิจเทคโนโลยีที่ต้องอาศัยการอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจะได้รับผลกระทบไปด้วยอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามในมุมมองของผม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังไม่ถึงกับตายหรือไปไม่รอด เพียงแต่ช่วงเวลา 1-2 ปีจากนี้อาจจะเป็นช่วงเวลาที่การเติบโตจะกลับมาในระดับปกติจากช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดทำให้การเติบโตของเทคโนโลยีในเชิง Disruptive เติบโตมากกว่าช่วงเวลาปกติประกอบกับสภาพคล่องในตลาดส่วนหนึ่งเข้ามาเก็งกำไร
แม้ว่าตอนนี้การใช้ชีวิตของคนทั้งโลกเริ่มกลับมาปกติก่อนช่วงที่ไวรัสโควิดจะระบาด แต่ความต้องการใช้เทคโนโลยียุคใหม่จะยังคงเติบโตขึ้นตามแนวโน้มของโลกที่กำลัง Transform สู่ความเป็นดิจิทัลและออนไลน์มากขึ้น กล่าวได้ว่าเทคโนโลยีใหม่กำลังเข้าสู่สถานะ Mass Adoption หรือเข้าถึงผู้คนในวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ
สรุปคือหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี Disruptive ยังไม่ตายเพียงแต่จะกลับมาเติบโตในอัตราปกติและราคาหุ้นไม่ได้ปรับตัวขึ้นจากการเก็งกำไรแต่มาจากปัจจัยพื้นฐานอย่างแท้จริง เหมือนหุ้นเทคโนโลยีในยุค Dot Com Bubble ที่บางรายก็หายไปจากตลาดแต่บางรายก็เติบโตกลายเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในปัจจุบัน
ในมุมมองการลงทุน ราคาหุ้นที่ปรบตัวลงมาระดับเกิน 50% ในแง่ของ Margin Of Safety เริ่มที่จะดูน่าสนใจ แต่ขอให้มองเป็นการลงทุนในระยะยาวเป็นหลัก เพราะปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจยังมีอยู่ โดยเฉพาะเรื่องของ Recession ที่อาจเกิดขึ้นทั่วโลก ถ้าหากมองผลตอบแทนระยะสั้นอาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ แต่ควรมองเป็นการลงทุนยาวตั้งแต่ 2-3 ปีขึ้นไปจะเหมาะสมกว่า