Infographic : ICO คืออะไร ต่างจาก IPO ตรงไหน ทำไมฮิตกันจัง
ตอนนี้กระแสการระดมทุนแบบ ICO กำลังฮอต กำลังฮิต เพราะทำได้ง่าย ไม่มีการควบคุม และระดมทุนได้ทั่วโลก ได้เงินตามจำนวนที่ต้องการได้ภายในเวลาสั้นๆ ได้ใจเหล่า Startup ทั่วโลก เพราะแค่มีไอเดียดีๆ ก็มาขอระดมทุนได้แล้ว
ขณะที่คนซื้อ ICO นอกจากจะอยากได้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่แต่ละเหรียญสัญญาว่าจะให้แล้ว ยังหวังว่าจะได้กำไรจากการนำเหรียญไปขายต่อ หากโปรเจกต์นั้นประสบความสำเร็จ (แต่ต้องทำใจไว้ล่วงหน้า เพราะถ้าโปรเจกต์ล่มเงินที่ลงทุนไปก็เท่ากับศูนย์) แต่ก่อนจะโดดไปร่วมวง มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ICO คือ อะไร ต่างจาก IPO ตรงไหน
IPO (Initial Public Offering) เป็นการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ของบริษัทที่ต้องการเงินทุนและกระจายการถือครองหุ้นให้ประชาชนทั่วไป โดยทำผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่รับเป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (underwriters) ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. และต้องจัดทำหนังสือชี้ชวนตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ล.ต. กำหนดไว้
นอกจากนี้ บริษัทจะมีที่ปรึกษาทางการเงิน ในการทำหนังสือชี้ชวนการออกและเสนอขายหลักทรัพย์ให้มีข้อมูลครบถ้วน ถูกต้อง เพื่อให้นักลงทุนอ่านทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจจองซื้อหุ้นได้
ผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ทำหน้าที่เสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนทั่วไปแทนบริษัท ซึ่งจะกำหนดวิธีการจองซื้อ ช่องทางการจำหน่าย การชำระเงิน หรือการจัดสรรหุ้น เมื่อหุ้นได้รับจัดสรรเรียบร้อยแล้ว ก็จะถูกนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้ผู้ถือหุ้นมีโอกาสซื้อขายได้
บริษัทที่จะเข้าซื้อขายใน SET จะต้องมีทุนจดทะเบียน มากกว่า 300 ล้านบาท และกำไรมากกว่า 50 ล้านบาท ก่อนเข้าตลาด 2-3 ปี บริษัทที่จะเข้าซื้อขายใน mai ต้องมีทุนจดทะเบียน มากกว่า 50 ล้านบาท และกำไรมากกว่า 10 ล้านบาท ก่อนเข้าตลาด
ICO (Initial Coin Offering) เป็นวิธีการระดมเงินทุนของบริษัท หรือ สตาร์ทอัพ ที่ต้องการนำไปลงทุนในโครงการใหม่ ผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือ บริการใหม่ โดยการออก Coins หรือ Tokens (ซึ่งอาจจะเรียกว่า เหรียญดิจิทัล หรือ ดิจิทัลโทเคน) มาขายให้คนที่สนใจและเชื่อว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จ และหลังจากขายครั้งแรกแล้วจะนำ Coins หรือ Tokens ไปจดทะเบียนซื้อขายในตลาดรอง เพื่อให้มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้
นักลงทุนที่จะซื้อเหรียญดิจิทัล หรือ ดิจิทัลโทเคน จาก ICO จะต้องชำระด้วยเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) เช่น Bitcion หรือ Ethereum ซึ่งการรับชำระด้วย Cryptocurrency ทำให้นักพัฒนาสามารถระดมเงินทุนจากใครก็ได้ในโลกนี้ที่สามารถเชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ต ไม่จำกัดอยู่เฉพาะในขอบเขตประเทศใดประเทศหนึ่ง ไม่จำกัดอยู่เฉพาะสกุลเงินใดสกุลหนึ่ง
ในขณะที่ยังไม่มีประเทศใดประกาศรับรอง Cryptocurrency ให้เป็น “เงินตามกฎหมาย”
การระดมทุนด้วยวิธีการ ICO ทำได้ง่าย ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ไม่ต้องมีที่ปรึกษาทางการเงิน ไม่ต้องมีประวัติการดำเนินงาน และสามารถระดมทุนจากนักลงทุนได้โดยตรง เพียงแค่มี Whitepaper หรือ เอกสารประกอบการเสนอขาย ให้นักลงทุนพิจารณาประกอบการตัดสินใจ เพราะยังไม่มีการกำกับดูแลจาก ก.ล.ต. มีเพียงข้อตกลงที่ทำด้วย Smart Contracts (สัญญาอัจฉริยะ) โดยจะระบุเงื่อนไข ข้อตกลงต่างๆ อ้างอิงกับ Whitepaper
นอกจากนี้ เหรียญดิจิทัล หรือ ดิจิทัลโทเคน ที่ได้จาก ICO จะไม่ใช่หุ้น แต่อาจจะ “สิทธิ” บางอย่างที่นักพัฒนากำหนดขึ้นมา เช่น
- สิทธิในการใช้ซื้อสินค้า หรือ ใช้บริการ
- สิทธิในทรัพย์สินบางอย่าง เช่น ทองคำ อาคาร
- สิทธิในส่วนแบ่งรายได้ หรือ กำไร แต่ไม่ใช่ผู้ถือหุ้น ไม่ได้เป็นเจ้าของร่วม