ออยส์ฟันด์ ผลตอบแทนพุ่งเกินร้อย 49 กองทุนทองคำแจกกำไรถ้วนหน้า
ราคาน้ำมันดิบและทองคำ
ที่ปรับตัวขึ้นแรงจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
ได้ส่งผลบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Assets) ทั้งสองประเภท
นักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมน้ำมันและกองทุนทองคำมีกำไรถ้วนหน้า
การเงินธนาคารได้รวบรวมผลตอบแทนของกองทุนรวมน้ำมัน (Commodities Energy) ซึ่งปัจจุบันในอุตสาหกรรมกองทุนรวมไทยมีกองทุนดังกล่าวจำนวน
10 กองทุน และผลตอบแทนกองทุนทองคำ (Commodities Precious Metals) ที่ปัจจุบันมีกองทุนดังกล่าวจำนวน
49 กองทุน (ข้อมูลจากมอร์นิ่งสตาร์ ณ วันที่ 24 มีนาคม 2565)
รวยเต็มถัง ออยล์ฟันด์ แจกยีลด์ 1 ปี สูงสุด
108.37%
สำหรับกองทุนรวมน้ำมันจำนวน 10 กองทุน ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ที่ 72.10
-108.37 %
และกองทุนที่เป็นแชมป์ผลตอบแทนสูงสุด คือ
กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ออยล์ ฟันด์ ให้ผลตอบแทน 108.37 %
ส่วนอันดับ 10 คือ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสออยล์ ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ที่ 72.10 %
สำหรับการลงทุนในกองทุนรวมน้ำมันในประเทศไทย ขณะนี้ เป็นกองทุนรวม Feeder Fund ที่ไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวม
ETF (Master Fund) ในต่างประเทศ
โดยหลักๆ แล้ว จะมี 2 กองทุน ได้แก่
1. Invesco DB Oil Fund (DBO) เป็นกองทุนรวม ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก
บริหารและจัดการโดย Invesco
Capital Management LLC โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ
West Texas
Intermediate-Light Sweet Crude Oil (WTI) เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง
Deutsche Bank Liquid
Commodity Index-Optimum Yield Crude Oil Excess Return
2. United States
Oil Fund (USO) เป็นกองทุนรวม ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก
บริหารและจัดการโดย United
States Commodity Funds, LLC โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ
West Texas
Intermediate-Light Sweet Crude Oil (WTI) และเน้นลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่จะหมดอายุในเดือนที่ใกล้ที่สุดหรืออายุสั้นที่สุด
กลยุทธ์การลงทุนในกองทุนน้ำมัน
นายสานุพงศ์ สุทัศน์ธรรมกุล ผู้อำนวยการอาวุโส
ฝ่ายที่ปรึกษาบริหารเงินลงทุน บมจ.หลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย)
แนะแนะเกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุนว่าควรจัดสัดส่วนการลงทุนให้พร้อมก่อนลงทุน
กองทุนรวมน้ำมันไม่เหมาะกับการลงทุนแบบซื้อ ๆ ขาย ๆ
เพราะมีต้นทุนในการซื้อขายและมีระยะเวลาในการได้รับเงิน สิ่งที่ควรทำเลย ก็คือ
การจัดพอร์ตลงทุนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ทั้งนี้ควรจัดพอร์ตลงทุน โดยแบ่งสินทรัพย์ออกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรกเป็นสินทรัพย์ที่เอาไว้ลงทุนระยะยาว คือ Core Portfolio ส่วนที่สองเป็นสินทรัพย์ที่ลงทุนตามรอบ
เพื่อลงทุนตามธีมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตลาด ด้วยความเสี่ยงไม่ได้สูงเกินไป เรียกว่า
Satellite Portfolio โดยสัดส่วนที่ควรจัด
ไม่ได้เป็นสัดส่วนตายตัว เช่น แบ่งเป็น 70:30 ได้ แต่ไม่ควรมี Satellite มากกว่า
Core Portfolio ซึ่งกองทุนรวมน้ำมันจัดอยู่ใน Satellite Portfolio เนื่องจากน้ำมันมีความไม่แน่นอนสูง
แนะนำว่า ควรถือไม่เกิน 5% ของพอร์ตลงทุน
ไม่เข้าไปถือยาว และไม่ควรลงทุนในทุกรอบ โดยนักลงทุนไม่ควรถือยาว
เพราะน้ำมันเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนและมีความไม่แน่นอนสูง
อีกทั้งไม่ควรเข้าไปลงทุนในทุกรอบเมื่อเห็นโอกาส แต่ควรประเมินในเรื่องของ Upside และ
Downside ของน้ำมันก่อน
ว่าคุ้มค่ากับการเข้าไปลงทุนหรือไม่ ถ้า Upside มีจำกัด ก็ไม่ควรเข้าไป
เพราะอาจต้องรับความเสี่ยงมากขึ้น
เลือก Master Fund
ให้ถูกกับสถานการณ์ ถ้าประเมินว่า
ราคาน้ำมันในอนาคตจะปรับตัวลดลงและตลาดอยู่ในภาวะ Backwardation ควรเลือก Master Fund ที่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบที่อายุสั้นที่สุด
เพื่อให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับราคาส่งมอบ (Spot Price) มากที่สุด แต่ถ้าประเมินว่า
ราคาน้ำมันในอนาคตจะปรับตัวสูงขึ้นและตลาดอยู่ในภาวะ Contango ควรเลือก
Master Fund ที่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบในเดือนที่ไกลออกไป
เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน
กำไรหรือขาดทุน ให้ดูที่ Master
Fund (DBO, USO) อย่าดูที่ราคาน้ำมัน
สิ่งที่กองทุนรวมน้ำมันลงทุน ก็คือ ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ
ไม่ได้ลงทุนโดยการซื้อน้ำมันดิบและนำมาเก็บไว้ เพราะฉะนั้นผลตอบแทนของกองทุนรวมจะไม่ได้เพิ่มขึ้นหรือลดลงตามราคาน้ำมันดิบในปัจจุบันหรือราคาซื้อขายทันที
ดังนั้นหากนักลงทุนต้องการดูผลตอบแทนว่าจะกำไรหรือขาดทุนต้องไปดูว่ากองทุนรวม
ในที่นี้ คือ DBO และ
USO ถือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบรุ่นใด
แล้วสัญญารุ่นนั้นมีการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างไร
รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นหรือลดลง
ซึ่งจะสะท้อนผลตอบแทนได้ชัดเจนกว่าราคาน้ำมัน ส่วนราคาน้ำมัน
อาจใช้ในแง่ของการดูเทรนด์ ดูจังหวะในการเข้าการออก
กองทุนทองคำ รวยยกแผงทั้ง 49 กอง
มาดูกันที่กองทุนทองคำที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดย้อนหลัง 1 ปี พบว่า 10 อันดับแรกให้ผลตอบแทนระหว่าง 18.86-21.07 %
โดยกองทุนที่รั้งผลตอบแทนสูงสุด คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์โกลด์
(ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์) ให้ผลตอบแทน 21.07 % ส่วนอันดับที่ 10 คือ
กองทุนเปิดธนชาตทองคำแท่งเพื่อการเลี้ยงชีพ-UH ให้ผลตอบแทน 18.86 %
นอกจากนี้ยังพบว่าจำนวนกองทุนรวมทองคำทั้งหมด 49 กองทุน
สามารถทำผลตอบแทนได้เป็นบวกถ้วนหน้า โดยกองทุนที่ให้ผลตอบแทนต่ำสุด คือ กองทุนเปิด
แอล เอช โกลด์เฮดจ์ ชนิดจ่ายเงินปันผล ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีที่ 9.40 %
คำแนะนำการลงทุนในกองทุนทองคำ
นายวีระพล บดีรัฐ
ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า และ K WEALTH GURU ธนาคารกสิกรไทย
เปิดเผยว่า สถานการณ์การลงทุนช่วงนี้ราคาทองคำและน้ำมันขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์
เกิดจากนักลงทุนกังวลเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครน และภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงทั่วโลก
ถือเป็นจังหวะที่นักลงทุนที่มีทองคำ
น้ำมันอยู่ในพอร์ตควรทยอยขายบางส่วนเพื่อทำกำไร ให้มีสัดส่วนทองคำในพอร์ตประมาณ
5-10% และนำกำไรนั้นไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่ราคากำลังย่อตัว
แต่มีความสามารถฟื้นตัวในอนาคต เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว
ด้านฟินโนมีนา ระบุว่ากองทุนทองเป็นกอง Passive Fund ลงทุนล้อตามราคาทองโลก
เพราะฉะนั้นต้องมีหลักทรัพย์ที่เอาไว้อ้างอิง เช่น หุ้นไทยลงตาม SET50
ส่วนหุ้นสหรัฐฯ ลงตาม S&P
500สำหรับทองคำส่วนใหญ่จะลงทุนตาม SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกอง
ETF ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นโยบายของ กองนี้คือซื้อทองแท่งจริงๆ เก็บไว้
ดังนั้นราคาก็จะขึ้นลงไปตามราคาทองโลก เป็นจุดที่เหมือนกันของกองทุนทอง
ความแตกต่าง จุดที่แต่ละกองทุนทองแตกต่างกันคือ
นโยบายป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน แบ่งเป็นกองที่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (Hedge) และกองที่ไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน
(Unhedge)
เนื่องจากทองคำซื้อขายกันด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อแลกกลับมาเป็นเงินไทยจะต้องโดนอัตราแลกเปลี่ยนด้วย
โดยถ้าช่วงนั้นเงินบาทอ่อน ราคาทองจะสูงขึ้น ถ้าช่วงนั้นเงินบาทแข็ง
ราคาทองจะต่ำลง สำหรับกองทุนทองที่ Unhedge หรือไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงค่าเงินไว้
ก็จะได้รับผลกระทบตรงนี้ มากกว่ากองที่ Hedge ไว้
ฟินโนมีนา สรุปการเลือกกองทุนทองคำว่า
ถ้าหากคาดการณ์ว่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงในอนาคต เลือกกองทุน Unhedge จะให้ผลตอบแทนสูงกว่า
และถ้าหากเป็นนักลงทุนที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากค่าเงินตรงนี้ เลือกกองทุนแบบ Hedge จะดีกว่า